บริษัท
ชลประทานซีเมนต์ จำกัด (มหาชน)
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2
ยุติลง รัฐบาลไทยในขณะนั้นได้กำหนดนโยบายเร่งด่วนในการฟื้นฟูและพัฒนาประเทศ
และโดยที่ไฟฟ้าเป็นปัจจัยสำคัญขั้นพื้นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม
รัฐบาลจึงได้มีมติให้สร้างเขื่อนอเนกประสงค์เพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า และ
เพื่อประโยชน์ในด้านการชลประทานขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่ อำเภอสามเงา
จังหวัดตาก โดยได้รับพระราชทานพระปรมาภิไธยให้เป็นชื่อของเขื่อนแห่งนี้ว่า
"เขื่อนภูมิพล"
การก่อสร้างเขื่อนภูมิพลจำเป็นต้องใช้ปูนซีเมนต์อย่างต่อเนื่อง
เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 300,000 ตัน ดังนั้น
เพื่อป้องกันมิให้เกิดการขาดแคลนปูนซีเมนต์ในระหว่างการก่อสร้าง
รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้กรมชลประทานซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการก่อสร้างเขื่อนภูมิพล
ดำเนินการจัดตั้งโรงงานปูนซีเมนต์ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ
เพื่อผลิตปูนซีเมนต์สำหรับใช้ในการก่อสร้างเขื่อนแห่งนี้้
บริษัท ชลประทานซีเมนต์
จำกัด จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2499 ต่อมาในปี พ.ศ. 2501
บริษัทฯ ได้ทำการก่อสร้างโรงงานปูนซีเมนต์แห่งแรกขึ้นที่ อำเภอตาคลี
จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางเหนือประมาณ 185 กิโลเมตร
ในระยะแรกโรงงานมีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์วันละ 360 ตัน
และต่อมาได้มีการปรับปรุงเป็นระยะๆ
จนกระทั่งปัจจุบันนี้โรงงานตาคลีมีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์ 2,700 ตันต่อวัน
เมื่อความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น
บริษัท ชลประทานซีเมนต์ จำกัด จึงได้สร้างโรงงานปูนซีเมนต์แห่งที่สองขึ้นที่
อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ
200 กิโลเมตร การก่อสร้างโรงงานชะอำเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2512 แล้วเสร็จในปี พ.ศ.
2514 และ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดโรงงาน เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2514
ในระยะแรกโรงงานชะอำมีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์ได้วันละ 1,560 ตัน
ต่อมาได้มีการปรับปรุงเพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น
โดยการปรับปรุงในระยะแรกได้แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2533
ทำให้มีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นเป็น 2,100 ตันต่อวัน
และเมื่อการปรับปรุงในระยะที่สองแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2525
กำลังการผลิตปูนซีเมนต์ของโรงงานชะอำจึงเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 2,700 ตัน
ปัจจุบันนี้
โรงงานปูนซีเมนต์ของบริษัท ชลประทานซีเมนต์ จำกัด ทั้งสองแห่งคือ
โรงงานตาคลีและโรงงานชะอำ มีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์รวมกันทั้งสิ้นปีละ 2.3 ล้าน
ตัน และผลิตปูนซีเมนต์ออกจำหน่ายหลายประเภทด้วยกัน ได้แก่
ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท
I
; i.work บัวแดง , i.pro บัวแดง เอ๊กซ์ตร้า
ปูนซีเมนต์ผสม; i.pro บัวเขียว i.pro บัวฟ้า i.pro บัวซูเปอร์
ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท
III
; i.speed บัวดำ
ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท
V
; i.idro บัวฉลาม
ปูนซีเมนต์สำหรับงานขุดเจาะบ่อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ; i.tech Well Cement
ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก; i.pro บัวแดงไฮเทค
ปูนสำเร็จรูป บัวมอร์ตาร์ เบสิค มี 4 ประเภท
i.pro บัวมอร์ตาร์ : ฉาบทั่วไป
i.pro บัวมอร์ตาร์ : ก่อทั่วไป
i.pro บัวมอร์ตาร์ : ฉาบอิฐมวลเบา
i.pro บัวมอร์ตาร์ : ก่ออิฐมวลเบา
ปูนสำเร็จรูป บัวมอร์ตาร์เทคนิคคอลมอร์ตาร์ มี 4 ประเภท
i.pro บัวมอร์ตาร์ กาวซีเมนต์ FIX
i.pro บัวมอร์ตาร์ กาวซีเมนต์ FIX XL
i.pro บัวมอร์ตาร์ สกิมโค้ท สีเทา
i.design บัวมอร์ตาร์ สกิมโค้ท สีขาว
ในปี พ.ศ. 2546 บริษัท ชลประทานซีเมนต์
จำกัด และบริษัท ปูนซีเมนต์เอซีย จำกัด (มหาชน) ได้ผนวกการบริหารงานเข้าด้วยกัน
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริการ เสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจ
และรวมการบริหารจัดการทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน อาทิ บัญชีและการเงิน
การตลาดและการขาย การผลิต การจัดซื้อและจัดหา ทรัพยากรบุคคล และอื่นๆ
ภายใต้การบริหารงานของทีมงานมืออาชีพ ทำให้ในปัจจุบันบริษัทฯ
สามารถสนองตอบความต้องการของลูกค้าในด้านต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
ค่านิยมขององค์กร
เราเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างชั้นนำ
เราเชื่อมั่นว่า ความรับผิดชอบขององค์กร เป็นรากฐานของความสำเร็จแบบยั่งยืนเรามีความรับผิดชอบดังต่อไปนี้
:
การพัฒนาองค์กรแบบยั่งยืน
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย
ความมีประสิทธิภาพ ความสัมพันธ์กับผู้เกี่ยวข้องและผู้ที่อาจจะมีผลกระทบกับองค์กร
สังคม และเศรษฐกิจโดยรวม
ความพึงพอใจของลูกค้า
คุณภาพ การบริการ และผลิตภัณฑ์
ทรัพยากรมนุษย์
ความสามารถในการแข่งขัน ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์
คุณธรรม ความก้าวหน้าในสายงานและการพัฒนาอาชีพ
ประโยชน์ที่ได้รับ
1.
ได้ทราบถึงกระบวนการทำงานและแก้ปัญหาในขณะทำงาน
2.
ทราบถึงหลักการทำงานเป็นทีม
3.
การใช้ความคิดในด้านต่างๆในการทำงาน
4.
การนำความรู้ที่ได้ในการศึกษาในครั้งนี้สามารนำมาปรับใช้ในการเรียนได้
SCG PAPER โรงงานบ้านโป่ง
จังหวัดราชบุรี
บริษัท สยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด หรือ SKIC ดำเนินธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ ในเอส ซีจี เปเปอร์
ผู้นำด้านการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์คุณภาพ เป็นผู้ผลิตรายแรกในประเทศไทย และ
ปัจจุบนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
ด้วยฐานการผลิตทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และ ฟิลิปปินส์
โดยมีกำลังการผลิตรวมประมาณปีละ 2.3 ล้านตัน ด้วยเครื่องผลิต กระดาษมากถึง 15
เครื่อง และ มีกระบวนการควบคุมคุณภาพได้ตามมาตรฐานสากล
ราชบุรี - “เอสซีจี เปเปอร์”
เดินหน้าเต็มที่ในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ มุ่งขยายธุรกิจ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน
และรองรับความต้องการของลูกค้าทั้งในไทย
และต่างประเทศเพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์ในระดับอาเซียน จากสภาพเศรษฐกิจโลกที่เริ่มจะฟื้นตัว
รวมถึงมีปริมาณความต้องการบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มอาเซียนที่สูงขึ้น เอสซีจี เปเปอร์
จึงยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจเพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดในกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่เติบโตสูง
โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภค ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จึงได้เห็นความเคลื่อนไหวมากมายของเอสซีจี
เปเปอร์ ในการเพิ่มศักยภาพให้แก่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์
เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
และยังเป็นปัจจัยที่ช่วยรักษาความสามารถในการทำกำไรของบริษัทได้อย่างยั่งยืน “เอสซีจี เปเปอร์
มุ่งขยายศักยภาพธุรกิจบรรจุภัณฑ์โดยลงทุนสร้าง และขยายฐานการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์
และบรรจุภัณฑ์กระดาษทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อรองรับความต้องการของตลาด
และเพิ่มธุรกิจไปสู่การเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์เฟล็กซิเบิลแพกเกจจิ้ง (Flexible
Packaging) ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตมาจากวัสดุอื่นๆ
นอกเหนือจากกระดาษ
เป็นกลยุทธ์สำคัญในการขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์มุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตสินค้า
และผู้ให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจร พร้อมกันนี้ บริษัทฯ
ยังได้ลงทุนในการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
และเพิ่มงบประมาณมากขึ้นทุกปีเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้า
และสร้างศักยภาพให้แก่บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
กระบวนการผลิต
เริ่มตั้งแต่ระบบการผลิตเยื่อที่สามารถควบคุมสัดส่วนในกระบวนการผลิตได้อย่างแม่นยำ
ทำให้กระดาษมีความแข็งแรงได้คุณภาพสูงสุด
ระบบเครนเก็บจ่ายสินค้าอัตโนมัติแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน ที่ช่วยเพิ่มความถูกต้องแม่นยำในการจัดเก็บจัดส่งสินค้า
รวดเร็ว และลดความเสียหายของกระดาษจากการขนส่ง
รวมทั้งเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในด้านการใช้น้ำ และพลังงานอย่างคุ้มค่า
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และชุมชนรอบโรงงาน”
นอกจากกระบวนการผลิตที่ดีแล้ว
จากความเชี่ยวชาญของพนักงานในการคำนวณสูตรการใช้เยื่อและเทคโนโลยีที่สนับสนุนต่อการผลิตทำให้สามารถผลิตกระดาษที่มีน้ำหนัก
และความหนาลดลง แต่ความแข็งแรงสูงขึ้น เพิ่มความคุ้มค่าให้แก่ลูกค้าในการใช้งาน
และยังช่วยลูกค้าในเรื่องการลดต้นทุนในแง่การขนส่งได้อีกด้วย
“ฐานการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ใหม่นี้ทำให้บริษัทฯ
สามารถผลิตกระดาษคุณภาพรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้
บริษัทฯ ยังมุ่งขยายตลาดไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาดอาเซียน
และมองหาตลาดในประเทศใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเพื่อรองรับต่อกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น
ความรู้ใหม่ๆที่ได้คือ
ได้พัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ
ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ออกสู่ตลาดมากขึ้น
เพื่อส่งเสริมให้สินค้าดังกล่าวตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน
และมีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น
บรรจุภัณฑ์เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมได้แก่ กระดาษแมชชีนเกลซ (MachineGlazed
Paper) กระดาษบรรจุภัณฑ์ที่มุ่งเน้นความสะอาด และความปลอดภัย เหมาะสำหรับเป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับใส่อาหาร
และบรรจุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ต้องเน้นเรื่องความสะอาดปลอดภัยสูง กระดาษกลาซีน (Glassine
Paper) กระดาษที่มีความเรียบ และโปร่งแสงสูงกว่ากระดาษทั่วไป
ใช้เป็นวัสดุรองหลังสำหรับฉลากสติกเกอร์ในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ถุงกระดาษเพื่อใช้ในอุตสาหกรรม
(Industrial Sack Bag) และแกนกระดาษ ฯลฯ
บรรจุภัณฑ์เพื่อสินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่
กระดาษสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่มีความปลอดภัยสูง (Food
Safety Packaging) และกรวยน้ำดื่มอนามัยบรรจุภัณฑ์ที่สามารถสัมผัสอาหารได้โดยตรง
ปลอดภัย ไร้สารเรืองแสง ผ่านมาตรฐานจาก GMP เป็นรายแรกในประเทศไทย
และเฟล็กซิเบิลแพกเกจจิ้ง (Flexible Packaging) เพื่อใช้เป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค
เช่น ผ้าอ้อม หรือบรรจุภัณฑ์แบบเติม ฯลฯ
รวมทั้งพัฒนาระบบการพิมพ์บรรจุภัณฑ์ให้มีคุณภาพ และหลากหลายมากขึ้น
เพื่อยกระดับความสวยงามของบรรจุภัณฑ์
ภาพประกอบ













ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น